ทางไอเอสเผยแพร่ ดาบิก ผ่านดีปเว็บ แม้ว่าจะมีให้บริการทางออนไลน์อย่างกว้างขวางผ่านแหล่งอื่นก็ตาม[3][4][5][6] หนังสือฉบับแรกตีพิมพ์ในเดือน "เราะมะฎอน ฮ.ศ. 1435" ตามปฏิทินฮิจเราะห์ของอิสลาม[2] นิตยสารนี้รายงานว่า ชื่อนิตยสารนำมาจากชื่อเมืองดาบิกในซีเรียตอนเหนือที่มีการกล่าวถึงในฮะดีษเกี่ยวกับวันสิ้นโลก[7] ไอเอสเชื่อว่าดาบิกเป็นสถานที่ที่กองทัพมุสลิมกับผู้ปฏิเสธศรัทธาจะเผชิญหน้ากัน[2][8] และภายหลังกองทัพครูเสดเป็นฝ่ายแพ้ วันอวสานก็จะเกิดขึ้น[9] นิตยสาร ดาบิก ทุกฉบับขึ้นต้นด้วยการอ้างคำพูดที่ยกให้แก่อะบูมุศอับ อัซซัรกอวีว่า: "The spark has been lit here in Iraq, and its heat will continue to intensify — by Allah's permission — until it burns the crusader armies in Dabiq" (ประกายไฟถูกจุดขึ้นที่นี่ในอิรัก และความร้อนจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ — ด้วยพระประสงค์ของอัลลอฮ์ — จนกว่ามันจะเผากองทัพครูเสดที่ดาบิก)[10]

Harleen K. Gambhir จากสถาบันเพื่อการศึกษาสงครามพิจารณาว่า ในขณะที่นิตยสาร Inspire ของอัลกออิดะฮ์ในคาบสมุทรอาหรัับมุ่งเน้นการสนับสนุนให้ผู้อ่านทำการโจมตีโลกตะวันตกแบบหมาป่าเดียวดาย ดาบิก มีความกังวลต่อการสร้างความชอบธรรมทางศาสนาของไอเอส และรัฐเคาะลีฟะฮ์ที่ตนเองประกาศมากกว่า และสนับสนุนให้มุสลิมอพยพไปที่นั่น[11] ในนิตยสารฉบับเดือนตุลาคม ค.ศ. 2014 มีบทความชื่อการเหตุผลทางศาสนาสำหรับการเป็นทาส และชื่นชมต่อการฟื้นฟูสิ่งนี้[1][12][13][14][15]

ไอเอสใช้นิตยสาร ดาบิก เพื่อแสดงความเป็นปรปักษ์อย่างรุนแรงต่อกลุ่มต่าง ๆ เช่น คริสต์ศาสนิกชน,[16][17][18][19] ชาวยิว,[20][21][22][23] ชาวฮินดู,[24][25] มุสลิมนิกายชีอะฮ์[26][27] และอิควานัลมุสลิมีน[28][29][30]

ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2016 ทางไอเอสแทนที่ ดาบิก ด้วยรูมียะฮ์ (โรม ในภาษาอาหรับ) นิตยสารออนไลน์อีกเล่ม เผยแพร่ในภาษาอังกฤษและภาษาอื่น ๆ นักวิเคราะห์สันนิษฐานว่านี่เป็นเพราะไอเอสถูกกองทัพตุรกีและกบฏซีเรียขับออกจากเมืองดาบิกในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2016 โดยชื่อใหม่สื่อถึงคำทำนายของอิสลามเกี่ยวกับการล่มสลายของโรม[31][32][33][34]